ปตท.สผ. ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา แม้ผลประกอบการงวดเก้าเดือนปี 2558 จะขาดทุน

23 ตุลาคม 2558
ดาวน์โหลด PDF
  • ปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 328,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5จากช่วงเดียวกันปี 2557 ในขณะที่ราคาขายปรับลดตามราคาน้ำมันในตลาดโลก
  • เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและปรับลดค่าใช้จ่ายได้ตามเป้าหมาย โดยปรับลดค่าใช้จ่ายรวมต่อบาร์เรลที่ขาย (unit cost) ได้ร้อยละ 5
  • แหล่งเบอร์ซาบา โครงการแอลจีเรีย 433 เอ และ 416 บี จะเริ่มขายน้ำมันดิบในไตรมาส 4 ปี 2558

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานปกติของบริษัทยังถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมีปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2558 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ในการลงทุนตามแผนงานเพื่อรักษาระดับการผลิตปิโตรเลียม ในขณะที่ยังมีเงินสดในมือกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับรองรับโอกาสการเข้าซื้อกิจการที่เหมาะสม นอกจากนี้ แหล่งเบอร์ซาบา ในประเทศแอลจีเรีย จะสามารถจำหน่ายน้ำมันดิบได้ไตรมาส 4 ซึ่งขณะนี้โครงการได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการทดสอบระบบการผลิตแล้ว”

ทั้งนี้ สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2558 ปตท.สผ. มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 4,440 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเมื่อเทียบกับ 5,989 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในช่วง 9 เดือนของปี 2557 จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงจาก 66 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เหลือ 47 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง โดยบริษัทยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (recurring net profit) 705 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจาก 1,355 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ทั้งนี้การที่บริษัทยังสามารถมีกำไรจากการดำเนินงานปกติได้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวมต่อบาร์เรลที่ขาย (unit cost) ลดลงร้อยละ 5 เทียบกับช่วง 9 เดือนของปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ในงวด 9 เดือนปี 2558 บริษัทมีการบันทึกค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานปกติ (Non-Recurring) โดยเป็นการบันทึกตามมาตรฐานบัญชี ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับกระแสเงินสดของบริษัท เป็นจำนวนรวม 1,691 ล้านดอลลาร์ สรอ. ประกอบด้วยรายการหลักๆ ดังนี้

  • การตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ (impairment loss) จำนวน 1,385 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่องมีผลให้มูลค่ายุติธรรม (fair value) ของสินทรัพย์ลดลง
  • ค่าใช้จ่ายทางภาษีรอการตัดบัญชีและภาษีอื่นๆ จำนวน 316 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องจาก 34 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เมื่อต้นปีเป็น 4 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.
  • กำไรจากการทำสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (hedging) จำนวน 50 ล้านดอลลาร์ สรอ.

ส่งผลให้ในงวด 9 เดือนปี 2558 ปตท.สผ. มีผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 986 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดย ณ 30 กันยายน 2558 ปตท.สผ. มีสินทรัพย์รวม 20,150 ล้านดอลลาร์ สรอ. มีส่วนของทุน 11,203 ล้านดอลลาร์ สรอ. และมีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ย 3,277 ล้านดอลลาร์ สรอ.

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 1,512 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้ 1,486 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 264 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก 194 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากทั้งโครงการในประเทศไทย และโครงการในประเทศเมียนมาร์ รวมถึงมีค่าใช้จ่ายรวมต่อบาร์เรลที่ขาย (unit cost) ที่ลดลงจากไตรมาสที่แล้วถึงร้อยละ 8 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโครงการลด ละ เลื่อน (SAVE to be SAFE) แต่เมื่อรวมรายการจากการบันทึกค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (non-recurring) โดยเฉพาะการบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ในไตรมาสนี้ ส่งผลให้ ปตท.สผ. บันทึกผลขาดทุนสุทธิ 1,284 ล้านดอลลาร์ สรอ.

“สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ตกต่ำในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อบริษัทน้ำมันทั่วโลก หลายบริษัทต้องบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ในโครงการลงทุนต่างๆ ปตท.สผ. ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันตามที่ปรากฏในผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ทั้งนี้การด้อยค่าสินทรัพย์เป็นการปรับมูลค่าสินทรัพย์ให้สะท้อนกับสถานการณ์ปัจจุบัน และแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและธรรมาภิบาลของบริษัท และหากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต สินทรัพย์จะมีมูลค่าสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีซึ่งจะสะท้อนผ่านผลกำไรที่ดียิ่งขึ้น” นายสมพร กล่าว

สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันในระยะสั้น บริษัทมองว่าจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากยังคงมีอุปทานส่วนเกินในตลาด โดยที่ปัจจัยกดดันราคามีโอกาสจะคลี่คลาย หากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัว รวมถึงปริมาณการผลิตจากสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทจึงยังคงมุ่งเน้นแผนการลดต้นทุนการดำเนินงาน ทั้งในส่วนของเงินลงทุน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดทำแผนจำลองสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบและอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับราคาต่างๆ เพื่อจัดเตรียมแผนการบริหารความเสี่ยงให้มีความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์อีกด้วย

นายสมพรกล่าวเสริมในตอนท้ายว่า “อย่างไรก็ดีในสภาวะราคาน้ำมันตกต่ำนั้น อาจจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับปตท.สผ. ซึ่งมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ในการเข้าซื้อกิจการในราคาที่เหมาะสม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นได้เช่นกัน ซึ่งขณะนี้บริษัทยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจ โดยมุ่งเน้นโครงการที่กำลังจะผลิต หรือที่ผลิตแล้ว ในแถบประเทศเพื่อนบ้าน และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อแผนกบริหารงานสื่อมวลชน

The information, statements, forecasts and projections contained herein reflect the Company’s current views with respect to future events and financial performance. These views are based on assumptions subject to various risks. No assurance is given that these future events will occur, or that the Company’s future assumptions are correct. Actual results may differ materially from those projected.